TTC Satit Yoga From Newtun ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ ตั้น หรือ ครูนิวตั้น ถ้าเพื่อนเรียกก็อาจจะเป็น ไอ้ตั้นบ้าง อิตั้นบ้าง แล้วแต่ความสะดวก เบื้องต้นผมเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายโดยเฉพาะ Weight training เป็นชีวิตจิตใจ ผมทำงานที่ฟิตเนสในฐานะครูผู้สอนคลาส หน้าที่ของผมคือ การถ่ายทอดความรู้ นำคลาส และ ประสบการณ์มอบให้กับผู้ฝึก ก่อนที่ผมจะมาเรียน TTC ในครั้งนี้ผมได้มีโอกาสฝึกโยคะมาบ้างเล็กน้อย ผมมักจะตั้งคำถามถึงการฝึกโยคะว่า “ทำไปทำไม” “ทำไปเพื่ออะไร” เพราะในการฝึก weight training เป้าหมายจะชัดเจนเพื่อรูปร่างทางกายภาพ ด้วยความสงสัยและคำถามที่อยู่ในหัวผมมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงาน จึงทำให้ผมสนใจที่จะเรียนคอร์ส TTC ในครั้งนี้ และเลือกเป็นที่นี่โดยไม่ลังเล ผมเคยเข้าคลาสฝึกกับครูสถิต ผมชอบในบรรยากาศของผู้ร่วมฝึก บรรยากาศของคลาส ฟิลลิ่งของครูผู้สอน และปัจจัยอีกหลายอย่างทำให้ผมมั่นใจว่า การมาเรียน TTC ในครั้งนี้ จะทำให้ผมเข้าใกล้ศาสตร์โยคะได้ถึงแก่น และตอบคำถามที่อยู่ในหัวผมมานาน พอเริ่มเรียน ผมก็เริ่มมีเพื่อนร่วมคอร์สมากขึ้น...

ความแตกต่างระหว่าง PILATES และ YOGA ครั้งหนึ่งหนูได้มีโอกาสได้ไปเข้าคลาส YOGA และตอนนั้นหนูไม่รู้จักทั้งอาสนะ ไม่เข้าใจการเคลื่อนไหว ไปจนถึงลมหายใจหรือปราณายามะ ทั้ง ๆ ที่ท่าบางท่าเหมือนกันกับการออกกำลังกายแบบ PILATES เลย แต่หลักการของทั้ง 2 อย่างนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้หนูอยากที่จะรู้ถึงศาสตร์ของทาง YOGA ให้มากขึ้น สวัสดีค่ะ หนูเป็นครูสอน PILATES ที่ฟิตเนสเเห่งหนึ่งในกรุงเทพและอยู่กับการสอน PILATES มาเป็นเวลาร่วม 3 ปีแล้วค่ะ และจะมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่า PILATES กับ YOGA นั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในทางของ PILATES นั้นจะเน้นไปที่การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย โดยเฉพาะแกนกลางลำตัว แต่ YOGA นั้นแตกต่างออกไปค่ะ เพราะ YOGA นั้นไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย ไม่ใช่กีฬา แต่ YOGA คือการฝึก ฝึกทั้งจิต และฝึกทั้งสมาธิ ในการเข้าแต่ละอาสนะ จะต้องใช้ทั้งจิต สมาธิ...

ครั้งหนึ่ง มิ้นได้มีโอกาสไป work shop การกุศลครั้ง 1 โดยมีครูผู้สอนคือครูสถิต และครูต่ายมาเป็นครูผู้ช่วย ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ได้รู้จักครูสถิต เป็นการเจอและเรียนครั้งแรกกับครูสถิต เป็นคลาสที่ประทับใจเป็นอยากมาก ณ ตั้งแต่ตอนนั้นทำให้เราอยากมาฝึกกับครูอีก และต่อไปเรื่อยๆ ครูสถิตเป็นครูที่มาจากใจ และจิตวิญญาณ ของครูเอง ไม่ใช่ทำหรือสอนตามหน้าที่แต่อย่างใด ครูสถิต เป็นครูท่านหนึ่งที่ทำให้เราสามารถดึงศักยภาพของตนเอง และความมั่นใจออกมาได้ โดยครูใส่ใจ ค่อยให้กำลังใจ และบอกเทคนิคดีๆให้นักเรียนทุกคนเสมอ จนวันนึงเราได้มีโอกาสได้มาเรียน คลอสครู YTTC 200 ชม. กับครูสถิต ครูต่าย และครูต้า มันทำให้เราเข้าใจแก่นของศาสตร์ของโยคะมากขึ้น การเอาไปสอนหรือการเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้และครูทั้ง 3 ท่าน เอาใจใส่นักเรียนทุกคน ทุกองค์วิชาความรู้ต่างๆ ครูก็รวบรวมมาให้เรา นักเรียนทุกคน โดยครูทั้ง3ท่าน ไม่ได้ถ่ายทอดทอดมาจากเสียงเพียงอย่างเดียว ครูทั้ง3 ถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิคต่างๆ ผ่านหัวใจของครูทั้ง 3 ดวง “สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาจากหัวใจ มันมักมีค่าและสวยงามเสมอ” มิ้นหมร YTTC...

..โยคะเปลี่ยนชีวิต.. ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่เเล้ว เป็นคน ไม่เคยออกกกำลังกาย เลยมี เพื่อนบอกว่ามาฝึกโยคะซิมันดีนะ ตอนนั้นมีปัญหาปวดหลัง เราก็เลยมาเริ่มฝึกโยคะ เเล้วมันก็ดีจริงๆไม่ได้ดีเเค่ร่างกายเเต่จิตใจเราก็ดีขึ้นด้วย เมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหง่ายเวลาโกรธใครไม่มอง เเม้เเต่หน้า ไม่พูด เเละปิดกั้นทุก ช่องทางการติดต่อ เเต่เมื่อเวลาผ่านไป โยคทำให้เราใจเย็น โกรธก็ยังโกรธเเต่หายเร็ว ปล่อยวางเรื่องราวต่างๆได้เร็วขึ้นกลายเป็นคน"คิดบวก"ไม่น่าเชื่อว่าโยคะ จะทำให้เราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ ตัวเรา ความคิดเรา จิตใจเรา เป็นตัวปรุงเเต่งให้คิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้บางครั้งคนที่เราโกรธ เค้าอาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ "สุดท้ายนี้" ▪️ต้องขอขอบคุณโยคะที่ทำให้เราได้รู้จักตัวเอง ▪️ขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่นำความรู้มาให้ ▪️ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เเละกัลยณมิตรทุกคนที่ได้ พบเจอกัน ▪️เเละที่จะลืมไม่ได้เลยเพื่อนคนนั้นที่เเนะนำให้รู้จักโยคะ นมัสเต -จา-...

"ทำไมถึงเลือกเรียนTTCที่ Satit Yoga และเรียนTTC ไปเพื่ออะไร" (คำตอบคือ เรียนไปเพื่อพัฒนาตัวเองในการฝึกและพัฒนางานสอนที่เราทำอยู่แล้ว เพราะเชื่อเสมอว่ายิ่งเรามีความรู้มากเท่าไหร่ การฝึกและการสอนของเราจะมีประสิทธิภาพและมีความมั่นใจมากขึ้น❤️) สิ่งแรกเลยในการตัดสินใจมาเรียนที่Satit Yoga คือวันเรียนที่ครูจัดขึ้น ส่วนตัวสะดวกแบบนี้ ไม่สะดวกไปอยู่แบบต่อเนื่องหลายๆวัน ด้วยภาระและหน้าที่ ระยะเวลาในการเดินทางเรียนถึงแม้จะยาวนานหน่อยแต่ช่วงระยะเวลานั้นมันคือความทรงจำ ทุกอย่างมีเรื่องราวน่าจดจำเสมอ ❤️ ไม่เคยมีคำถามในใจและข้อสงสัยเลยกับการมาเรียนกับครูเพราะ "ฉันมาด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวครู" ความรู้ที่ได้ว่ามากมายแล้ว ยังได้รับความห่วงใย เมตตาจากครูทั้ง3 อีกด้วย  ครูทุ่มเทกับการสอนพวกเรามาก ใส่ใจ ไม่ใช่แค่ในบทเรียน แต่ใส่ใจทุกสิ่งที่ลูกศิษย์เป็น ทุกๆคำสอนที่ครูพร่ำสอนมันใช้ได้จริงในชีวิต ครูเน้นการฝึก เพราะครูบอกเสมอว่า ถ้าเราฝึกแล้ว เราเข้าใจ เราจะส่งต่อและแบ่งปันผู้อื่นได้ด้วยความถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมรุ่นน่ารักทุกคน  ทุกๆสัปดาห์บรรยากาศการเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม มิตรภาพดีๆที่มีให้กัน มันคือความสวยงาม คือความประทับใจ และ มันก็จะเป็นความทรงจำที่เตือนเราไปทุกๆปีต่อจากนี้❤️ - แป๋ว-...

ความเครียด ถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน จากข้อมูลของHarvard Medical School ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 มีการศึกษาว่าการนั่งสมาธิ และเทคนิคที่ช่วยลดความเครียดอื่น ๆ สามารถนำมาใช้รักษาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้หรือไม่ ซึ่งโยคะถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจน้อยที่สุดในทางการแพทย์ แต่มันกลับได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีองค์ประกอบ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ท่าที่เรียกว่า อาสนะ (Asana) การฝึกควบคุมการหายใจร่วมกับท่าอาสนะ และการผ่อนคลายหรือการทำสมาธิในระยะสั้น โยคะช่วยคลายเครียดได้อย่างไร? มีผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการฝึกโยคะว่า การฝึกโยคะสามารถช่วยลดผลกระทบของการตอบสนองต่อความเครียดที่เพิ่มขึ้น และอาจมีประโยชน์ต่อทั้งความวิตกกังวลและความเศร้า ในกรณีนี้ การทำงานของโยคะมีความเหมือนกับเทคนิคอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้เราสงบลง เช่น การทำสมาธิ การผ่อนคลาย การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การไปพบปะเพื่อนฝูง ด้วยความที่โยคะช่วยลดการรับรู้ต่อความเครียดและความวิตกกังวล ทำให้มันไปปรับเปลี่ยนระบบที่ตอบสนองต่อความเครียด และนั่นก็จะทำให้การตื่นตัวของการทำงานในร่างกายลดลง เช่น ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต ช่วยให้หายใจช้าลง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานพบว่า การฝึกโยคะสามารถช่วยเพิ่มอัตราการผันแปรของการเต้นของหัวใจ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถของร่างกายเพื่อตอบสนองต่อความเครียดได้ยืดหยุ่นมากขึ้น (ที่มา : https://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/yoga-for-anxiety-and-depression) โยคะจึงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยในการลดความเครียดที่เกิดขึ้น การได้ฝึกสมาธิ การฝึกลมหายใจด้วยปราณายามะ การได้เรียนรู้ และค่อยๆพัฒนาร่างกายของตนเองผ่านอาสนะต่าง ๆ การฝึกโยคะถือเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับตนเองมากที่สุดช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตามเป้าหมาย และความต้องการอาจแตกต่างไปตามการดำรงชีวิตของแต่ละคน โยคะอาจเป็นเพียงการออกกำลังกาย...

เหตุผลที่เลือกลงเรียนครู 200 ชม. กับครูสถิต ไม่ได้อยากจะเป็นครู หรือว่าอยากจะไปสอนใครเลยนะคะ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบฝึกโยคะ ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 4 กับการฝึกโยคะ ได้มาฝึกที่สตูครูสถิตย์ เมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ เพราะว่าพาลูกชายมาเรียนว่ายน้ำ ระหว่าง นั่งรอเลยเดินขึ้นมาถามรายละเอียดกับครู จำได้จนถึงทุกวันนี้และคงจำได้ตลอดไปไม่มีวันลืมค่ะ ว่า Class แรกที่เข้ามาฝึก กับครูสถิต คือ Class Vinyasa ฝึกไปได้ 15 นาที อยากจะเดิน ออกจากห้อง ถามตัวเองว่า ชั้นมาทำอะไรตรงนี้ เพราะเหนื่อยมาก และ นร. ครูทุกคน เก่งมาก Jump ลอยกันเหมือนมีสลิงมาดึงขึ้นไป แต่ด้วยสปิริต และ Energy ของครูสถิต ทำให้ฝึกจบครบ 1  ชม. ในวันนั้น จากวันนั้นก้อมาฝึกที่สตูครู ชอบในความบ้านๆๆๆของครูมากค่ะ อธิบายทุกสิ่งอย่างที่ดูอยากเย็นแสนเข็ญ...

ก่อนหน้านี้การฝึกโยคะของเราจะอยู่ในสตูเท่านั้น เพื่อใช้พลังเพื่อนร่วมคลาสและคุณครูเป็นตัวผลักให้สามารถฝึกได้ต่อเนื่อง สนุก และเข้าท่าได้ลึกขึ้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะสามารถอยู่บน Mat ด้วยตัวเองโดยไม่ได้มีใครมาผลักดันได้ จนกระทั้ง Covid-19 ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องอยู่กับบ้านไม่ได้ออกไปไหน fitness ปิด  สตูปิด หรือแม้แต่สวนสาธารณะก็ยังปิด คนที่บ้าออกกำลังกายอย่างเราก็แทบจะอยู่ไม่ได้ และแล้วก็หันไปเห็น Mat ที่ม้วนอยู่ในกระเป๋า เลยทดลองเอาออกมาปู เริ่มต้นจากการหาคลิปที่มีครูสอนใน YouTube และตาม Page ต่างๆ ซึ่งตอนนั้นมีให้เลือกเยอะมาก วันแรกผ่านไปเกือบไม่จบชั่วโมงเพราะยังมีความงง ความกังวลว่าทำผิดมั้ย ใช่รึป่าวนะ แต่ก็ยังไม่ลดความพยายามลองต่อเป็นวันที่ 2 3 และ 4 ต่อไปเรื่อยๆ จนสนุกกับมัน อ้าว! เราก็ฝึกโยคะด้วยตัวเองคนเดียวได้นี่ มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แล้วก็ทำให้ค้นพบว่าโยคะ เป็นการ Workout กับตัวเองเท่านั้น บนพื้นที่เล็กๆ ขนาดแค่รอบตัวเรา แค่คิดจะฝึก ซึ่งที่ผ่านมาเข้าใจมาโดยตลอดว่าถ้าจะออกกำลังกายหรือ Workout ง่ายที่สุดก็แค่เปลี่ยนรองเท้าแล้วออกไปวิ่งซะ ที่ไหนก็ได้...

ตุ๊ได้มาเริ่มฝึกและเรียนคอร์สครูสอนโยคะที่นี่เป็นเวลาหกเดือนและเป็นหกเดือนที่เห็นพัฒนาการของตัวเองมากที่สุด ครูสถิตทำให้อะไรที่ยากดูง่ายขึ้น ทุกครั้งที่มาฝึกรู้สึกได้เติมพลังให้กับตัวเอง ตุ๊ได้ความรู้จากที่นี่ไปเยอะมาก แถมยังได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อนๆและรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่จากคุณครูทุกท่านค่ะ -ตุ๊-...

“นั่งลงน้ำหนักบนก้นสองข้างให้เท่ากัน” นี่คือคำพูดที่ครูโยคะพูดในคลาสแรกๆที่ไปเรียน นั่งหลับตาอยู่ ฟังสิ่งนี้ก็ตลกในใจว่า นั่งให้ลงน้ำหนักที่ก้นสองข้างให้เท่ากันนี่ต้องบอกด้วยเหรอ? มันก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องลงน้ำหนักสองข้างให้เท่ากันอยู่แล้วไง จะมีใครนั่งแล้วน้ำหนักที่ก้นสองข้างไม่เท่ากันบ้าง?? ผ่านไปเจ็ดปีที่ฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ มองย้อนกลับไปที่คนที่ตลกในใจคนนั้น ก็รู้ว่าเราในเจ็ดปีก่อนคือไม่รู้จักร่างกายตัวเองเอาซะเลย ด้วยกระดูกสันหลังคดที่เป็นมาแต่เด็ก เราก็คือหนึ่งในคนที่ไม่ได้ฝึกร่างกายและนั่งไม่เท่ากัน ไม่แน่ว่าที่จริงที่ครูพูดในห้องวันนั้น ไม่ได้พูดกับใครอื่น แต่พูดกับเรานั่นเอง ตลอดระยะที่ฝึกโยคะมา ยิ่งโดยเฉพาะในปีแรกๆ เราพบว่ามีเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเองที่เราไม่รู้เยอะมาก ทำให้ใช้เวลาโฟกัสตัวเองมากขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจร่างกายตัวเองเยอะขึ้น ทำให้มีเวลาไปสนใจเรื่องข้างนอก เรื่องชาวบ้าน เรื่องที่ไม่ควรใช้เวลาไปสนใจ อย่างเรื่องลบๆน้อยลง แล้วพอฝึกสม่ำเสมอ ร่างกายก็ค่อยๆแข็งแรงขึ้นเรื่องที่เคยทำไม่ได้ อย่าง Chaturanga ที่ลงไปแล้วค้างไม่ได้ ร่วงลงไปแปะกับพื้นตลอด สไลด์ขึ้นมาก็ไม่ไหว เราก็ค่อยๆเห็นพัฒนาการ ว่าถ้าตั้งเข่าไว้จะค้างไว้ได้ ผ่านไปอีกเดือน ค้างได้แบบเบาขึ้น ผ่านไปอีกเดือน ไม่ต้องตั้งเข่าก็ลงได้บ้างแล้ว ก็รู้ในใจเลยว่าทุกเรื่องถ้าเราตั้งใจ ฝึกฝน เราจะดีขึ้น แม้จะทีละเล็กละน้อย ซึ่งก็เอาไปปรับใช้ได้กับทุกๆเรื่องของชีวิต ผ่านมาเจ็ดปีแล้วถ้าถามว่าฝึกโยคะแล้วได้อะไร ได้ six pack มั้ย ผอมมั้ย หน้าเด็กมั้ย ก็ไม่สามารถจะคอนเฟิร์มได้เพราะเอารูปเจ็ดปีก่อนมาเทียบ six pack ก็ยังไม่มา อ้วนขึ้นกว่าเดิมตามอายุ หน้าก็ไม่ได้เด็กเท่าเดิม...