ชีวิตคือการเดินทาง Life is traveling (ไม่มีใครแก่เกินเรียน)และนี่คืออีกครั้งของการเริ่มออกเดินทาง เพื่อไปเรียนรู้กับร่างกายของตัวเอง เรียนรู้กันไปถึงกระดูก กล้ามเนื้อๆเส้นนี้เรียกว่าอะไร มีหน้าที่อะไร เพราะทำแบบนี้จึงเป็นแบบนี้ เรียนรู้การฝึกเพื่อที่จะนำไปสอนคนอื่น ได้ความรู้มากมาย เรียนมาได้ครึ่งทางแล้ว เหนื่อยสนุก ถามครูตลอดจะไหวไหมเราสว. ครูสถิต ครูต่าย ครูต้า ให้กำลังใจตลอด จะต้องไปให้สุดให้ได้ ครูสถิตบอกสบายๆ อย่าไปคิดมาก *** พี่แต๋ม *** Sureeporn Sudthipong...

จากการฝึกโยคะมาประมาณ 5 ปี ประสบการณ์ 5 ปีในการเป็นผู้ฝึกไม่สามารถไหว้พระอาทิตย์ได้ด้วยตัวเอง เพราะผู้ฝึกโยคะ กับผู้นำฝึกในคลาส (ครูโยคะ) แตกต่างกันเลยมีความคิดที่จะเรียนครูสอนโยคะ อยากรู้ว่าถ้าเรียนครูแล้ว เราจะฝึกโยคะเองได้ไหม ก็เริ่มมองหาที่เรียน มีเพื่อนแนะนำว่าไปลองที่สถิตโยคะดู สไตล์จอนเลยวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ก็มาคนเดียว แบบไม่รู้เส้นทางมาสถิตโยคะ (หลงทาง) คลาสแรกที่เข้า DYNAMIC FLOW ครูสถิตสอน จอนปูเสื่อ ข้างๆ ครูต้าร์ (ไม่รู้มาก่อนว่าคือครูต้าร์) แอบชม น้องคนนี้เก่งจัง ทำได้ทุกท่า จากการเข้าคลาสครั้งนั้นเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเรียนครูที่สถิตโยคะ ความประทับใจคือเสียงของครูสถิต มีพลังจัง เสียงหนักแน่น พอเรียนไปครึ่งทางไหว้พระอาทิตย์ได้ด้วยตัวเอง แนวความคิดเริ่มเปลี่ยน มีความคิดอยากสอน อยากแนะนำ  ถ้าเรียนจบแล้วมีโอกาสได้สอนจะทำให้ดีที่สุดค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณครูทั้ง 3 ท่านคะ ครูสถิต ครูต่าย ครูต้า ค่าา💕💕 Nattavee Preechataveepat...

"Live and learn สินะ" ชอบตั้งคำถามทุกเรื่องที่สงสัยกับตัวเองเสมอ ถามไปมีคำตอบบ้าง ไม่มีบ้าง บางคำตอบต้องตามหาเอง ออกแรงเอง บางคำตอบก็มาให้เห็นง่ายๆ ไม่มีสูตรตายตัว เพราะฉนั้นการเรียนรู้กับการมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราไม่หยุดนิ่ง การมีชีวิตอย่างดีจึงเกิดขึ้นภายใต้การเรียนรู้และขึ้นอยู่กับการเอาความรู้มาปรับใช้ให้มีคุณภาพ ก็คือ "Live and Learn forever" ..ตุ๋ม.....

My heartfelt thanks to SATIT YOGA for the space to learn and making me to feel great with my inner peace and body. Thanks to all facilitators who provided me an opportunity to improve my respiration, increase my muscle flexibility and stand with me on the first step of my journey...

My life Balance โยคะทำให้ฉันเจอความสมดุลในชีวิต สมดุลในที่นี้คือความสมดุลของโลก 2 ใบ นั่นคือโลกภายนอก โลกที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ กิน ดื่ม เที่ยว ซึ่งแน่นอนโลกของฉันมันวุ่นวายพอสมควร ทั้งเรื่องชีวิต เรื่องงาน การเดินทาง เพื่อน ครอบครัว ยุ่งเหยิงไปหมด ฟังเสียงคนนู้น เชื่อคนนั้น ทำตามคนนี้ แต่หลังจากที่ได้รู้จักและฝึกโยคะอย่างจริงจังทำให้ฉันค้นพบโลกอีกใบหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือโลกภายใน ซึ่งหมายถึงร่างกายและจิตใจของฉันเอง ฉันพบว่ายิ่งถ้าฉันควบคุมลมหายใจได้ดีมากเท่าไหร่ สมาธิจะเกิดมากเท่านั้นและทำให้ฉันเคลื่อนไหวร่างกายได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย โลกภายในนี้ฉันสามารถควบคุมมันได้ด้วยตัวเองและมีแต่ฉันเท่านั้นที่ควบคุมมันได้ ฉันรักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ฟังเสียงจากข้างในตัวเองมากขึ้น ฉันเรียนรู้ที่จะมีความสุขด้วยตัวเอง มีความสุขโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร และวันไหนที่ฝึกอาสนะไปได้ลึกมากขึ้น ทำท่าได้สวยมากขึ้น มันรู้สึกถึงความสำเร็จ ฉันก็ทำได้นี่! แล้วอยากจะพาตัวเองไปให้ไกลขึ้นอีก วันไหนที่ทำได้มันรู้สึกชนะตัวเอง มันทำให้ฉันรู้ว่าว่าการเอาชนะใครไม่สะใจเท่าได้เอาชนะตัวเอง การฝึกโยคะในแต่ละอาสนะของฉัน การหายใจเข้าหมายถึงการตั้งสติ หายใจออกคือทิ้งความเหนื่อยล้า บิดความทุกข์ออกไปจากตัว ฉันได้พักร่างกายและจิตใจ ไม่ต้องพูดคุยกับใคร ตัดเรื่องภายนอกทุกอย่างออกไปเมื่ออยู่บนเสื่อขนาดพอดีตัว เมื่อถึงท่าสุดท้าย ท่าศพ (savanasana) มันเหมือนรีเซ็ตตัวเองใหม่ 1 ชั่วโมงกับการอยู่บนเสื่อมันคุ้มค่า...

“เมื่อความเหมือน ไม่ใช่คำตอบ” สถิระ สุขัม อาสนัม ถือเป็นหัวใจในการฝึกโยคะอาสนะ สถิระ คือ ความมั่นคง สุขัม คือ ความสุข ความเบาสบาย อาสนัม คือ อาสนะ ย้อนกลับไปสมัยฝึกแรกๆจำได้ว่า พอเห็นคนอื่นทำท่ายากๆได้ เช่น พวกท่า inversion เอาหัวยืนแทนเท้าอะไรพวกนี้ ก็รู้สึกว่า โห พวกเขาเทพจัง อยากทำได้บ้างจัง แล้วจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้นตลอดเวลา ว่าเมื่อไหร่เราจะทำได้บ้าง ฝึกไปมองคนอื่นไป สมาธิไม่เคยมี ตอนนั้นไม่มีความรู้เลยว่าแต่ละท่าต้องใช้กล้ามเนื้อที่แข็งแรงหลายส่วนประกอบกัน ลมหายใจก็ต้องสม่ำเสมอและต้องมีสมาธิด้วย สิ่งที่ตัวเองทำตอนนั้น คือ การฮึบตัวเองเพื่อเข้าท่า และสิ่งที่ตามมา คือ การอยู่ในอาสนะที่ไม่มีความสุขและความมั่นคงเลย แถมด้วยการกลั้นหายใจจนหน้าดำหน้าแดงอีก ทุกอย่างทำไปเพื่อรอว่าเมื่อไหร่ครูจะนับถึง 1 เราจะได้ออกจากท่าซักที เมื่อฝึกไปซักพัก มีครูคนหนึ่งได้สอนว่า “จงมีสมาธิบนเสื่อของตัวเอง” อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องแข่งกับใคร ร่างกายเราเป็นของเรา ไม่มีใครเหมือนใคร ขนาดตัวเองด้านซ้าย-ขวายังทำได้ไม่เท่ากันเลย หลังจากนั้น ทุกครั้งเวลาฝึกก็จะพยายามตั้งสติ มีสมาธิ ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เหมือนเราฝึกอยู่แค่บนเสื่อของเราเองจริงๆ ถ้าจะเปรียบเทียบก็จะเปรียบเทียบกับตัวเองในวันก่อนๆมากกว่า ว่าเรามีพัฒนาการขึ้นบ้างไหม หรือถ้ามองคนเก่งๆ...

Why yoga? ทำไมต้องเป็น “โยคะ” ? คำถามที่เรามักได้ยินอยู่บ่อยๆ ก่อนเริ่มฝึกโยคะ เราเคยมองว่า โยคะเป็นการออกกำลังกาย ที่เหมาะกับคนขี้เกียจแบบเรา ดูเคลื่อนไหวช้าๆ นั่งๆ ยืนๆ บนเสื่อ เคยฝึก เลิกฝึก กลับมาฝึก เลิกฝึก กลับมาฝึกอีก แล้วก็เลิกฝึกอีก จนสุดท้ายก็กลับมาฝึกใหม่.. มันเลยทำให้เรากลับมาคิดว่าทำไมเรากลับมาหาโยคะเสมอ มันต้องมีอะไรแน่ๆ โยคะมีสเน่ห์แบบบอกไม่ถูก ยิ่งได้มาเรียนที่สถิตโยคะ คอร์ส TTC แล้ว โอ้โห...

ฉันเริ่มจากการเป็นสายเวทมาก่อน ไม่มีคำว่าสนใจโยคะอยู่ในหัวสมองมาก่อนเลย จนพี่ที่ฟิตเนสชวนให้เข้าคลาสโยคะพอเข้าบ่อยๆๆก็อืมดีนะได้ยืดคลายตัวดี เข้าใจแค่ว่าโยคะคือการยืดเหยียดคลาย เคยหลงไปเข้าคลาส power เห็นในคลาสทำท่าอะไรก็ไม่รู้ดูยากสำหรับเราๆก็เลี่ยงคลาสพวกนี้มาตลอดเวลา แต่ไม่เคยที่จะสนใจไปต่อ สนใจคลาสเบสิคๆหรือพวก flow จนได้มาเจอครูสอนดีๆๆ หลายคนสอนเรื่อง alignment ท่าให้ถูกต้อง และสอนลมหายใจ จึงทำให้ฉันเริ่มหลงรักโยคะขึ้นมา จนเกิดความสนใจที่ทำยังไงให้ทำท่าเบสิคได้ดีขึ้นเพื่อต่อยอดไปสู่ท่าที่ยากขึ้น ก่อนจะตัดสินใจมาเรียนคลาสนี้ก็ถามหลายคนที่รู้จักบางคนก็บอกว่าเราควรเรียนพวก workshop บางคนบอกว่าเรียนแล้วเครียด เลยได้คุยกับครูต่ายว่าเป้าหมายของการที่เรามาเรียนคืออยากให้พื้นฐานแน่นๆๆและการเข้าใจลมหายใจ ไม่ได้จะเป็นครู ครูต่ายบอกว่าการมาเรียนคลาสครูนี้ถือว่าเป็นการเรียนแบบองค์รวม แค่ผู้มาเรียนได้ประโยชน์แล้วเอาไปปรับใช้แล้วสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ก็ถือว่าโอเค ตอนมาเรียนก็คิดว่าจะรอดอะป่าว เพื่อนที่เรียนเขาจะแบบเป็นระดับ advance หรือเปล่า เพราะตัวเราแบบไก่กาอาราเร่มากกกก พอเริ่มเรียนวีคแรกเพื่อนที่เรียนน่ารักกันทุกคน ช่วยเหลือกัน มีเสียงหัวเราะผ่อนคลาย มีน้องๆและพี่ๆที่น่ารักฮาๆๆกันทำให้การเรียนสนุกไม่เครียดเลยและไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นพวก advance ทำเท่าที่ทำได้ ทุกคนช่วยเหลือกันมาก 6 วีคผ่านมาทำให้เข้าใจว่าโยคะประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ ลมหายใจ, สติและพื้นฐานของแต่ละท่าว่าเน้นที่อะไรเป็นหลัก ที่สำคัญคือฟังร่างกายตัวเองว่าทำได้หรือไม่ ไม่ต้องไปตามใครเขา ครูเตือนตลอดเวลาที่ได้เรียนพอได้เรียนและฝึกเก็บชม.เลยเข้าใจว่าเราติดความสบายจนเคยตัวต้องละลายนิสัยนี้ออกไป ครูคอยบอกคอยย้ำเตือนพวกเราเสมอว่าให้รักษาร่างกายให้ดี แต่เราก็พลาดหลังเดี้ยงทำให้การเรียนและการฝึกในบางท่ามีปัญหา แต่ดีที่ครูใส่ใจคอยมาประกบแล้วบอกเอาเท่าที่ได้ซึ่งเราก็ไม่ฝืนร่างกายตัวเองทำไม่ได้หยุดเลยจ้า ที่สำคัญคือลมหายใจจริงๆๆ นะ มาเรียนทำให้ฉันเข้าใจโยคะมากขึ้นว่าโยคะมันไม่ใช่เฉพาะแต่ยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อเท่านั้นแต่โยคะให้มากกว่านั้นคือการสร้างกล้ามเนื้อของฉันให้แข็งแรงมากขึ้นด้วยการใช้ลมหายใจให้เป็น ถ้ามีคำถามสงสัยอะไรถามครูเลยครูไม่มีกั๊กนะบอกหมดอยู่ที่เราจะเก็บเอามันมาใช้ได้แค่ไหน และทำให้รู้ว่าการเปิดอกเปิดไหล่ ยืดคือยืดจากส่วนบนไม่เกี่ยวกับหลังล่าง...

ทุกคนจะมีจุดเริ่มต้นการเริ่มฝึกโยคะ(แบบจริงจัง) แตกต่างกันไป แต่จุดเริ่มต้นของเราคงฟังดูตลกและไร้สาระที่สุด 😅 ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ทำให้ได้เรียนรู้และรู้จักร่างกายและจิตใจของตัวเองจริงๆ เรียนรู้ความอ่อนแอของร่างกายและจิตใจจากที่คิดว่าตัวเองถึก แข็งแรง เอาอยู่ ยังไปได้อีก ผลก็คือบาดเจ็บอยู่ตลอดเนื่องมาจากการฝืนตัวเองมั่นใจไร้สติว่าตัวเองยังไหวอยู่ สุดท้ายก็ได้รู้ว่าเรามันช่างอ่อนแอจริงๆ แต่...

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ฝึกโยคะมีความรู้สึกว่าคนที่จะฝึกโยคะได้ต้องมีความยืดหยุ่นสูงเหมือนนักยิมนาสติก วันแรกที่ฝึกก็กล้าๆกลัวๆ แอบมองคนข้างๆอยู่ตลอด และคิดว่าเราต้องพยายามทำท่าอาสนะให้เหมือนอย่างเค้า จนทำให้ตนเองไม่มีสมาธิในการฝึกโยคะเพราะสายตามองไปรอบห้องตลอดเวลา หลังจากฝึกโยคะมาได้ระยะนึง ก็ได้ค้นพบว่า การฝึกโยคะไม่ใช่การเล่นกีฬา เราไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับใคร หรือเปรียบเทียบตัวเองกับใคร สำรวจร่างกายตัวเอง เพราะในแต่ละวันร่างกายของเรามีความแข็งแรงไม่เหมือนกัน ทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อใดก็ตามที่เข้าท่าอาสนะลึกๆแล้วทำให้เรารู้สึกอึดอัดหรือเจ็บปวดทรมานให้ถอยออกมาในจุดที่เรารู้สึกไม่ทรมานและอยู่ในท่านั้นได้พร้อมกับการหายใจที่เป็นปรกติ สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือต้องมีสมาธิในเสื่อของตัวเอง อยู่กับลมหายใจตัวเอง แล้วเราก็จะสามารถฝึกอาสนะต่างๆได้อย่างมีความสุข หลังจากนั้นมันทำให้เรามีความสุขในทุกๆครั้งที่เรายืนอยู่บนเสื่อโยคะของเรา หลังจากฝึกโยคะอยู่นานจึงตัดสินใจมาเรียนกับสถิตโยคะ TTC รุ่นที่ 3 ซึ่งก็ทำให้เราไม่ผิดหวังเห็นได้ชัดถึงความตั้งใจของคุณครูทุกท่านที่จะนำพานักเรียนทุกคนให้ประสบความสำเร็จ สอนแบบไม่มีกั๊ก สอนแบบหมดเปลือก สอนเพื่อนำไปใช้ได้จริง คุณครูได้กล่าวไว้ว่า “นักเรียนจ่ายเงินเพื่อมาเอาวิชา ต้องสอนให้คุ้มค่าของเงินที่จ่าย” สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณคุณครูทุกท่านที่ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจในการสอน ขอบคุณเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน ที่ทำให้ทุกอาทิตที่มาเรียนได้รับพลังงานดีๆกลับไปเสมอ… -SIVAPLOY   LERKMOOMONGKOL-  TTC 3  ...