หากจะพูดว่า โยคะ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต ก็คงไม่มากเกินไปสำหรับฉัน เพราะโยคะ ไม่ได้เป็นแค่เพียงการออกกำลังกาย แต่การฝึกโยคะเป็นการควบคุมและปรับขยับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของกายเราให้ดำเนินขึ้นในท่าทางต่างๆด้วยตัวเรา ด้วยลมหายใจเข้าและออกเรา (ในศาสตร์โยคะเราเรียกว่าการฝึกร่างกายในท่าทางต่างๆ ว่าอาสนะ asana) เพราะการฝึกโยคะไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ใดๆ เพียงใช้ร่างกายของเราบนพื้นเสื่อขนาดที่พอกับตัวของเรา เราก็สามารถฝึกโยคะได้ สิ่งที่เราต้องการสำหรับการฝึกโยคะคือ สติ กับลมหายใจเข้าและออกเท่านั้นเพื่อพาร่างกายของเราไปในท่าทางต่างๆ ฝึกฝนกล้ามเนื้อส่วนของร่างกายให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงเท่าไหร่ เหมาะสมกับเราแค่ไหน ขึ้นกับตัวเราเองทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นตลอดการฝึกเราจึงจำเป็นต้องใช้ทั้งร่างกายและจิตใจรวมกันเพื่อรับรู้ร่างกายเราในแต่ละขณะ แต่ละเวลา และวัน ซึ่งสำหรับฉันค้นพบว่าร่างกายในแต่ละวันเวลานั้นไม่เหมือนกันเลย วันนี้อาจจะพบความตึงบนกายเพราะเราเพิ่งได้ขยับจากการตื่นนอนตอนเช้าหรืออาจการนั่งทำงานนานเกินไปเมื่อคืน หรือถ้าได้ฝึกตอนเย็นร่างกายก็จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าตอนเช้า เพราะฉะนั้นการฝึกโยคะสำหรับฉันนั้นเป็นช่วงเวลาที่พาฉันไปค้นพบตัวเอง ได้มองเห็นตัวตนและธรรมชาติตนผ่านทางร่างกายด้วยการใช้ใจและสติรับรู้ และทำให้ฉันเข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัว ทุกสิ่งล้วนมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งร่างกายของเราเอง ทำให้การฝึกโยคะในแต่ละครั้งนั้นมีความสนุกและรู้สึกน่าค้นหาผ่านร่างกายของเราเอง ฉันได้เรียนรู้ที่ปรับและควบคุมร่างกาย จิตใจ และสิ่งต่างๆในชีวิตฉันผ่านการฝึกโยคะ และเมื่อระหว่างที่เราฝึก สติที่อยู่กับร่างกายตลอดระยะเวลาระหว่างฝึก ทำให้ฉันเกิด สมาธิ ขึ้น สำหรับฉันพบว่าการฝึกโยคะเป็นศิลปะหนึ่งสำหรับการฝึกสมาธิให้กับตัวฉันเอง อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสร่วมฝึกโยคะไปด้วยกันค่ะ เพราะโยคะเหมาะกับทุกคน ฝึกได้ทุกที่ และไม่ว่าจะเริ่มฝึกเมื่อใด ไม่ว่าเราจะมีกายและใจเป็นแบบไหน เราสามารถออกแบบได้เองให้เหมาะกับตัวเรา อยากให้ทุกคนได้รู้จักและฝึกโยคะไปด้วยกันค่ะ
เขียนโดย ภัทราพร ลักษณ์สิริกุล