My journey is Yoga desn't take your time. But give you the time to make your soul happy , essential practices for your soul working through medium of your body .Learn to be secretly happy within your heart in spite of all circumstances, and say to yourself: Happiness is the...

ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราพบครูสถิตที่ Sport Club ชื่อดังต้นๆของเมืองไทย California Wow ด้วยอุปกรณ์ครบครัน และมีคลาสโยคะมากมายสำหรับตารางสอนที่ออกในแต่ละเดือน เราก็มักจะ print ตารางสอนออกมา แล้วก็มักจะมาวงหาชื่อ SATIT เสมอ ด้วยความที่ Instructor มีการสอนที่ชัดเจน เข้าใจง่าย เอาใจใส่นักเรียนในคลาส และมีความเป็นครูมืออาชีพ แต่ด้วยภารกิจหลายอย่าง ทำให้จากนั้นไม่ได้ฝึกนานหลายปี จะเรียกโชคชะตาหรือความบังเอิญ ทราบว่าครูมาเปิดสตูดิโออยู่ละแวกบ้าน แต่ด้วยเวลายังไม่ประจวบเหมาะ เราก็ไม่มีโอกาสมาเรียนสักที จนมาถึงวันนี้ที่รอคอย ปัจจุบันสถาบันที่สอนโยคะมีหลายแห่ง แต่ด้วยความเป็นแบรนด์ครูสถิตที่มีความประทับใจในสมัยนั้นเป็นทุนเดิม ก็ไม่ยากที่จะตัดสินใจเลือกมาเรียนที่ สถิตโยคะ ดีใจที่ได้มาเป็นลูกศิษย์ครูอีกครั้ง ครูยังมีเมตตา สนุกและขี้เล่นเหมือนเดิม ความเป็นครูสถิตผ่านกันไปกี่ปีก็เหมือนเดิม ประกอบกับทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ของครูสถิตที่มีครูต้าร์ ครูต่าย มาช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้แบบเปิดโลกเปิดจักรวาล โดยเลือกสรรเทคนิค วิธีการสอน ในภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่ทำให้ง่ายต่อความเข้าใจภายในระยะเวลาอันสั้น และผลที่ได้จากการเรียนหลักสูตรครูโยคะ 200 ชั่วโมง ที่ไม่ใช่การเป็นครูโยคะเท่านั้น แต่เป็นการเรียนการสอนเนื้อหาเปิดประสบการณ์มุมมองใหม่ๆ เรื่องการใช้ชีวิตมนุษย์ในมิติที่ไม่เคยทราบมาก่อน ความเข้าใจในตัวเองอย่างลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม ความสามารถและขีดจำกัดของตัวเอง...

การออกกำลังกาย สมัยปัจจุบัน มีหลายทางเลือก เช่นการวิ่ง การเข้าฟิตเนส แต่เราเลือกที่จะเล่นโยคะ ได้รู้จักสตู Satit Yoga จากรุ่นพี่ที่มาเรียนคอสครูโยตะ ครั้งแรกตัดสินใจมาลองเล่นก่อน ประทับใจวิธีการสอนของครู ลงดีเทลรายละเอียดต่างๆสอนดีมากๆ หลังจากนั้นสมัครคอสรายเดือน และลงคอสAdvanced Yoga 40ชม.และสมัครคอสครู200ชม.ตามลำดับ คิดว่าการได้ลงคอสครู คือการได้ทำในสิ่งที่แตกต่างจากเดิม อยากลองมีประสบการณ์ใหม่ๆบ้าง เพราะคิดว่าถ้าทำสิ่งเดิมๆทุกวันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รู้สึกขอบคุณตัวเอง ที่ได้ก้าวมาถึงจุดนี้ ขอบคุณสถานที่แห่งนี้Satit Yoga แห่งนี้ ขอบคุณคุณครูทั้ง3ท่านที่ให้โอกาสพี่เพชรได้ร่วมเรียนในรุ่นที่นี้ ประทับใจ ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด By…Petch...

“ เมื่อเรามีความหวัง และใช้พลังจากแสงนำทาง ความมืดมิดคืออุปสรรค จงใช้ชีวิตด้วยใจรักและปรารถนา ตัวฉันจึงใช้โยคะในการนำพาร่างกาย ชีวิตและจิตใจ เพื่อสร้างพลังแห่งแสงสว่างและแสงแห่งศรัทธานำทาง ก้าวเดินต่อไปด้วยใจที่มั่นคง ” By…Nual❤️...

ใช่ค่ะ น้ำหวานเป็นคนนึงที่ชอบออกกำลังกายหลากหลาย ทั้งวิ่ง ดำน้ำ แบตมินตัน พิลาทิส โยคะฟลาย รวมถึงโยคะด้วย รู้สึกสนุกกับการได้ใช้ร่างกายทุกๆ ส่วน มีหลายครั้งที่บาดเจ็บและต้องกลับมาเยียวยาด้วยโยคะเสมอ จึงเริ่มสังเกตตัวเองว่าเกิดจากยังหายใจได้ไม่ดี เหนื่อยง่าย จึงอยากศึกษาการฝึก Hatha Vinyasa ที่ถูกต้อง จนได้มารู้จักกับ Satit Yoga และเริ่มฝึกฝนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่พื้นฐานเลย รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด ไม่บาดเจ็บ กระทั่งมีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ จนวันนี้ ได้เข้าสู่หลักสูตร YTTC รุ่นที่ 8 รับรู้ถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน มีลมหายใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถต่อยอดไปยังการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ อีกด้วย จึงอยากชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาเป็นครอบครัว Satit Yoga ด้วยกันค่ะ by Namwahn...

My soul leads me here ก่อนหน้านี้ปอไม่เคยฝึกโยคะที่ satit มาก่อนเลย มีประสบการณ์การฝึกมาบ้างในรูปแบบที่สบายๆ ไม่หนักมาก และก็ไม่รู้อะไรที่ลึกเท่าไหร่นักเกี่ยวกับศาสตร์นี้ รู้จากภายในลึกๆในระหว่างที่ฝึกโยคะเพียงแค่ว่าศาสตร์โยคะมีอะไรที่พิเศษ เพราะทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาฝึกโยคะอยู่บน Mat เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้ฟังเสียงร่างกายตัวเอง ได้คุยกับเสียงภายในของตัวเอง ตลอดเวลาที่เป็นผู้ฝึก รู้สึกอยู่ตลอดว่ามีแรงกระตุ้นจากภายในคอยผลักดันให้ได้ไปเรียนคอร์สครูโยคะอยู่เป็นระยะๆ จนวันนึง ทุกอย่างเอื้ออำนวย เวลา สถานที่ ปัจจัย เหมือนถูกจัดเตรียมวางกองไว้ตรงหน้า สิ่งที่ปอทำก็เพียงแค่ go with the flow เท่านั้นเอง แล้วการเชื่อแรงกระตุ้นจากภายในนั้น ก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง แม้จะรู้สึกว่ามีความท้าท้ายอยู่บ้าง แต่เมื่อเราเลือกที่จะฟัง ได้เชื่อใจ วางใจในเสียงภายในนั้น เขาจะพาเราก้าวข้ามขีดจำกัดของเราได้เสมอ ...

ถ้าให้พูดถึงสถิตโยคะ บทที่ 1. ความอบอุ่น ผมคงพูดไม่รู้จบกับความรู้สึกที่ผมมีต่อสถานที่นี้แต่ผมขอพูดในมุมของ “ความอบอุ่น” และความอบอุ่นอันนี้ผมขอเลือกภาพนี้ในการแสดงเรื่องราวครับ รูปนี้คือรูปหลังจากที่ผมขึ้นจากการทำ Ice bath ความอบอุ่นที่ผมได้รับจากสถานที่นี้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาเรียนในหลักสูตรครู ผมได้จากครูสถิต/ครูต่าย/ครูต้าร์ รู้สึกได้เลยว่าครอบครัวนี้อบอุ่นจัง ผมคงอิจฉาหลายๆสิ่งจากครอบครัวนี้ มีทั้งความแข็งแรง มีไลฟสไตล์ที่ดี และที่สำคัญ ครอบครัวนี้ อบอุ่นจังเลยเนอะ ตัวผมเองอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัวมากนักจึงทำให้ผมไม่ค่อยรู้จักกับมัน แต่วันหนึ่งผมได้เข้ามาในครอบครัวนี้มากขึ้น ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันผมรู้สึกดีใจมากๆ ที่วันนี้ผมมีครอบครัวใหญ่ที่มีแต่การให้พลังให้กำลังใจให้ความอบอุ่นเติมชีวิตให้ผมกลับมามีความสุขจริงๆอีกครั้ง บทที่ 2. การก้าวข้าม ภาพนี้คือภาพที่ทุกๆคนทั้งที่อยู่ในภาพและไม่อยู่ให้พลังส่งพลังส่งความกล้าหาญทำให้ผมก้าวข้ามความกลัวกังวลใจและทำจนผ่านมาได้ ความรู้สึกก่อนหน้านั้นผมเรียกมันว่าความเจ็บปวด คนอื่นๆ อาจกล้าที่จะเผชิญในการทำได้นานหรืออดทนต้องการทำได้ดีกว่าตัวผม ผมจะอธิบายความเจ็บปวดของผมให้ฟังกันก่อนนะครับ เนื่องด้วยร่างกายบวกกับอาการป่วยที่มีมานานตอนลงไปมันเหมือนเข็มนับร้อยๆพันๆมาแทงทั่วร่างกายมันเจ็บกว่าตอนที่ผมเคยประสบอุบัติเหตุตอนวัยรุ่น บทสุดท้าย.ขอบคุณ ผมเลือกที่จะส่งบทความในอาทิตย์เกือบสุดท้ายเพราะผมอยากรู้ว่าเราจะต้องเผชิญกับเรื่องราวอะไรบ้างแล้วเราจะหยิบเรื่องราวไหนมาเล่าความรู้สึกในครั้งนี้ ซึ่งภาพนี้ทั้งหมดทั้งมวลแล้วผมคงพูดเป็นชื่อตัวเองว่า Thanks ที่แปลว่าขอบคุณ ขอบคุณที่กล้าเริ่ม ขอบคุณที่อดทน ขอบคุณที่มีกำลังใจดีๆ จากทุกๆคน ขอบคุณจากหัวใจ ขอบคุณในความรักที่มี by Thanks...

YTTC#7 จากวันแรกที่บอกคุณครูและเพื่อนๆ ทุกคนว่า ควีนไม่มีประสบการณ์ฝึกโยคะมาก่อนเลย ในวันแรกของการเรียน ใจมันเต้นรัวมาก แอบกลัว แล้วเดินมาบอกครูสถิตว่า “หนูกลับดีกว่า ไม่เรียนแล้ว ดูเพื่อนๆ แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย” ครูสถิตตบไหล่เบาๆ บอกว่า “เรามาเรียนวิธีการสอน” ในใจควีนตอนนั้น “ใช่” เรามาเรียนวิธีการสอน และควีนพูดกับตัวเองเสมอตั้งแต่วันแรก จนวันนี้ “ ฉันทำได้ ทำได้สิ” ถึงแม้กลับมาจากฝึกโยคะวันแรก ถึงช่วงสามสัปดาห์ ร่างกายระบบมาก ใช้ทุกส่วนของร่างกายที่ไม่เคยได้ใช้ กล้ามเนื้อเราคงตื่นเต้น 555 อยากบอกคุณครูทุกท่าน และเพื่อนๆ ว่าตลอดหลักสูตรของการเรียนครูโยคะ ภาษาเดียวที่ควีนเข้าใจคือ ภาษา Anatomy แต่ภาษาโยคะคือเท่ากับ 0 ต้องทำการบ้านทุกวัน มานั่งจด นั่งจำชื่อท่าต่างๆ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาสันสกฤต เพราะเราเป็นคนจำช้ำ และเข้าใจอะไรอยาก ตากผ้าไป ท่องไป 555 ความมั่นใจมันมาจากการไปทบทวน การทำการบ้านค่ะครู เพราะถ้าให้ควีนพูดเลยเหมือนเพื่อนๆ...

Wind beneath my wings มุกเป็นคนที่ชอบฝึกโยคะมาก แต่ไม่เคยคิดจะเรียนเป็นครูโยคะเลย จนกระทั่งเพื่อนๆที่ฝึกด้วยกันรอบข้างเชียร์ให้เรียนเป็นครูโยคะ จะได้ถ่ายทอดอาสนะที่ตัวเองทำได้ให้กับผู้อื่นได้ หรืออย่างน้อยเราจะได้เข้าใจพื้นฐานโยคะอย่างถูกต้องซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเราในการต่อยอดฝึกอาสนะท่ายากๆได้ดีขึ้น ตัวมุกเองมองหาที่เรียนโยคะมาหลายที่ก็ไม่ถูกใจเลยไม่ได้เรียนซักที จนกระทั่งวันนึงได้เปิด facebook มาเจอสถิตโยคะ และประทับใจการจัดพิธีจบของที่นี่มาก จัดดีมาก Mandala สวยมากๆ รู้สึกว่าถ้าตัวเองจบครู อยากได้พิธีจบที่ดูสวย อลังการ และดูศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ไม่เคยเรียนโยคะที่นี่มาก่อนเลย แต่เปิดดูภาพโดยรวมแล้วรู้สึกถูกชะตา เลยตัดสินใจลงเรียนทีนี่ทันที เหมือนคลื่นมันจูนตรงกัน แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ชอบการเรียบเรียงเนื้อหาการสอนที่นี่มาก คุณครูใหญ่ของบ้านหลังนี้ทั้ง 3 ท่าน ครูสถิต ครูต่าย ครูต้าร์ และคุณครูผู้ช่วยทุกๆท่านน่ารักมาก คุณครูได้ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมให้พวกเรารักและดูแลซึ่งกันและกันเหมือนคนในครอบครัว เพื่อนๆน่ารักทุกคน ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันดีมาก ถึงแม้การเรียนการสอนเข้มข้นทุกสัปดาห์ แต่พวกเรามีความสุขมาก ครูคือผู้ให้ทุกสิ่งอย่างจริงๆ เป็นกระจกเงาให้เราเพื่อให้เราเห็นข้อผิดพลาด ให้กำลังใจให้เราเมื่อเราท้อ ดูแลเอาใจใส่นักเรียนทุกคนดีมาก เรียกว่า ครูคือลมใต้ปีกของพวกเรา พวกเราบินขึ้นมาได้สูงเกินความคาดหมายก็เพราะครู ครูคือผู้ให้กำลังใจ ครูคือผู้ที่สร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาให้เกิดในตัวลูกศิษย์ทุกคนเพื่อพร้อมจะไปฉายแสง ช่วยเหลือ แบ่งปัน และถ่ายทอดวิชาที่เรียนรู้และขัดเกลามาเป็นอย่างดีออกสู่สายตาสาธารณชน...