ช่วงเวลาที่ไม่ควรประมาท รู้ก่อน ออมก่อน by Aphinya C. (Yui)

     การออมเงิน จงอย่ารอ ความพร้อม เพราะมันไม่มีวันนั้น มันมีแต่ทำทันทีในวันนี้
” ถ้าฉันหมดหนี้ก้อนนี้ ฉันจะตั้งใจเก็บเงิน”
” ถ้าลูกฉันเรียนจบ ฉันจะตั้งใจเก็บเงิน “
” ถ้าฉันมีกิจการของตนเอง หรือได้เลื่อนตำแหน่ง ฉันจะตั้งใจเก็บเงิน “
     ฯลฯ เหตุผลที่มีอยู่จริง เราเชื่อคุณ แต่เมื่อถึงเวลานั้น คุณก็จะมีเหตุผลอื่นมาผัดมันไปอีกเสมอ
     ในด้านสุขภาพก็เช่นกัน ออมได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอ
” ถ้าฉันมีเงินมากพอ ไม่มีภาระอะไร ฉันจะแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย “
” ถ้าลูกฉันโตกว่านี้  ฉันคงจะมีเวลาไปออกกำลังกาย “
” ถ้าฉันเคลียร์งานได้ดีกว่านี้ ไม่ต้องกลับดึก ฉันจะได้ออกกำลังกายสักที “
     ฯลฯ เหตุผลที่มีอยู่จริง เราเชื่อคุณ แต่เมื่อถึงเวลานั้น คุณก็จะมีเหตุผลอื่นมาผัดมันไปอีกเสมอ และร่างกายก็ไม่รอคุณด้วย
     และเชื่อไหมว่า ช่วงเวลาที่คุณผัดวันประกันพรุ่งอยู่นี้ ส่วนใหญ่คืออายุประมาณ 30-50 ปี หรือที่เรียกว่าช่วงแซนวิช  คือคุณจะมีทั้งลูกเล็ก และผู้สูงอายุที่มีพระคุณ ที่คุณต้องดูแลในเวลาเดียวกัน กอปรกับการงานที่คุณต้องรับผิดชอบ  เพื่อให้ครอบครัวของคุณมีคุณภาพชีวิตที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีก็ต้องใช้เงิน และใช้กำลังกายของคุณทั้งสิ้น
     ช่วงอายุดังกล่าว เราจึงใช้ร่างกายของเราแบบประมาท เราสะสมความเครียด ทานอาหารแบบเร่งด่วนบ่อยครั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว และเรื่องการออกกำลังกาย  จึงเป็นเหตุผลที่เราผัดมันไปก่อนเสมอ เพราะไม่มีเวลา สะสมวิถีชีวิตแบบเร่งรีบ 10-20 ปี พอมารู้อีกที ทำไมฉันเวียนหัวบ่อยจัง ทำไมฉันขึ้นบันไดก็เหนื่อยง่าย ทำไมฉันรู้สึกจุกแน่นหน้าอก พอไปหาหมอ  พบความดัน เบาหวาน หัวใจ ไต ฯ หมอบอกอย่าทานรสจัดนะ ออกกำลังกายบ้างแต่อย่าหักโหมนะ วัยนี้แล้ว  เหตุผลใหม่เข้ามาอีกแล้ว เหมือนที่กล่าวข้างต้น ว่าคุณมีเหตุผลที่จริงเสมอ เราเชื่อคุณ
” ฉันออกกำลังไม่ไหวหรอก ฉันอายุเยอะแล้ว “
” ฉันหน้ามืด ฉันเป็นความดัน “
” ฉันเหนื่อยง่าย ฉันน้ำหนักตัวเยอะเกินไป “
     ฯลฯ เหตุผลข้อจำกัดด้านสุขภาพเข้ามาทันที แว็บแรกที่เข้ามาในสมอง รู้งี้ ฉันจะ….ฉันจะไม่มีเหตุผลใด ๆ เพราะฉันจะแบ่งเวลามาออกกำลังกายตั้งแต่แรก และทำมันอย่างสม่ำเสมอ สะสมวันละ 30นาที-1 ชม. สัปดาห์ละ 3-5 วันก็ยังดี ใช้เวลาไม่เยอะนี่นา ทำไมตอนนั้นฉันไม่คิดอย่างนี้นะ หรือฉันคิดแต่ฉันขาดคำว่าทำทันที เพราะฉันมัวแต่ยุ่งอยู่และหาเหตุผล
     ฉันเคยเกือบอยู่ในหลุมพรางวิถีชีวิตที่คนส่วนใหญ่ใช้กันแบบนั้น แต่โชคดีที่ฉันเรียนรู้ และทำทันที เพราะฉันเห็นประสบการณ์ และวัฏจักรชีวิตของคนรอบข้าง ฉันจึงหากิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวได้ทุกส่วน ไม่แข่งขัน ไม่มีกติกาหรือเงื่อนไขอะไรมากมาย เรียนรู้ร่างกาย เรียนรู้ลมหายใจ จับความรู้สึกตัวเอง มีสติ มีสมาธิ ออกกำลังกายหรือกิจกรรมอะไรที่เป็นแบบนี้ อะไรล่ะที่ตอบโจทย์
     และฉันก็ค้นพบว่าโยคะ  โยคะนี่แหละที่ตอบโจทย์ เหมือนไม่เหนื่อยแต่ได้เหงื่อ ร่างกายได้เหยียดยืด บริหารทั้งภายนอกและภายในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสมาธิ สติ ฝึกลมหายใจ ท่าบิดต่าง ๆ กลุ่มท่าการใช้กำลังแขน กำลังขา การทรงตัว เรียกว่าครบจบในกิจกรรมเดียว และฉันก็ชวนคนที่ฉันรักทุกคน หันมารักสุขภาพ ออกกำลังกาย หรือฝึกโยคะแบบฉัน  พวกเราชาวโยคะ พร้อมที่จะแบ่งปันเสมอ ลึกที่สุดนอกเหนือจากการได้สุขภาพกายที่ดีแล้ว  ฉันยังมีความสุขที่สุดทุกครั้งที่ฉันได้แบ่งปัน
     ฉันขอแบ่งปันบทความนี้ให้กับทุกๆ ท่าน ด้วยความปรารถนาดี และระลึกถึงบุญคุณครูทุกท่าน  ระลึกถึงกัลยาณมิตร  ระลึกถึงกรณีศึกษาจากผู้คนรอบข้าง ระลึกถึงร่างกายตนเองที่ให้เรียนรู้ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง นมัสเต.
ฺBy Aphinya C. (yui)
06/05/2020